รักว้าวุ่นของวัยรุ่นห้าสิบ ผู้ใหญ่บ้านพาเมียชาวบ้านหนี ต้องออกไหม ?

 


#ปกครองท้องที่


รักว้าวุ่นของวัยรุ่นห้าสิบ

.

ผู้ใหญ่บ้านพาเมียชาวบ้านหนี ต้องออกไหม ?

.

บ่ายแก่ ๆ วันหนึ่งขณะแอดมินกำลังสาละวนอยู่กับการหาสถานที่จัดตั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยโควิดชุมชน (CI) พลันข้อความรายงานข่าวที่กดติดตามไว้บนโซเชียลก็เด้งขึ้น พอหยิบโทรศัพท์มาอ่านดู ทั้งตกใจ ทั้งขำกับพาดหัวข่าว 


“รักอลเวง ผู้ใหญ่บ้านพาเมียชาวบ้านหนี” สื่อดังพาดหัว


อะไรนะ !!! ผู้ใหญ่บ้านพาเมียชาวบ้านหนี


สื่อโซเชียลเดือด ทุกสำนักตีข่าวใหญ่ในมุมอันน่าขัน พร้อมเสียงวิพากณ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของผู้ใหญ่บ้านที่เป็นข่าว 


บางคนคอมเมนต์ว่า “ผู้ใหญ่บ้านประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงถ้าร้องเรียนไปทางอำเภอจะต้องถูกปลดออกอย่างแน่นอน” บางคนก็ว่า “หลังจากโอนทรัพย์สินให้ลูกหมดแล้ว ก็ฟ้องทั้งผู้ใหญ่บ้านทั้งเมียเลยคร้า จัดไปคร้า”


เอาเป็นว่า เรามาลองตัดเรื่องอารมณ์ร้อน ๆ ทิ้งไป แล้วนำระเบียบกฎหมายมาจับ จะเป็นยังไง


วันนี้ วิถีแห่งสิงห์จะมาวิเคราะห์ให้ดูว่า นอกจาก #ผิดที่เราเจอกันช้าไป แล้ว การกระทำของผู้ใหญ่บ้านหมู่นี้ จะเข้าข่ายผิดอะไรอีกบ้างหรือไม่ จะโดนไล่ออกไหม มาดูกัน...


----------------------------------------------------

1. รักว้าวุ่นของวัยรุ่นห้าสิบ

----------------------------------------------------


#มันเป็นยังไงไหนเล่ามาซิ


เรื่องมีอยู่ว่า...ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง (หมู่ที่เท่าไหร่ แหล่งข่าวไม่ได้ระบุ) ในตำบลสวายจีก อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ อายุ 57 ปี พาภรรยาชาวบ้าน อายุ 55 ปี ที่เป็น อสม. ในหมู่บ้าน หนีไปจากหมู่บ้านหลายวัน โดยทั้งสองคนต่างมีสามีและภรรยาแล้ว ฝ่ายผู้ใหญ่บ้านมีลูก 3 คน ฝ่าย อสม. มีลูก 2 คน 


เดือดร้อนถึงกำนันต้องเรียกมาไกล่เกลี่ย ทั้งสองรับสารภาพว่า “รักกัน” อยากอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา 


ด้านสามีฝ่ายหญิงที่หนีไปกับผู้ใหญ่บ้านบอก “ไม่ติดใจเอาความ หากเมียยกที่ดินให้ลูกทั้งหมด” 


ส่วนภรรยาผู้ใหญ่บ้านบอก “ไม่ขอรับให้มาเป็นภรรยาคนที่สอง และไม่ให้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย” 


ทั้งคู่จึงตัดสินใจไปอยู่บ้านที่ปลูกสร้างขึ้นมาใหม่ อยู่ห่างจากบ้านผู้ใหญ่บ้านประมาณ 300 เมตร เพื่อครองคู่กัน


แม้การเจรจาวันนั้นจะจบลงด้วยดี (หรือเปล่า ?) แต่ชาวบ้านที่รู้ข่าวต่างไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เตรียมรวบรวมรายชื่อยื่นนายอำเภอเพื่อปลดผู้ใหญ่บ้านทันที


#สามีฝ่ายหญิงกลับลำ


แต่ต่อมาสามีฝ่ายหญิงก็เปลี่ยนใจ มายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ว่าผู้ใหญ่ทำผิดวินัยร้ายแรง อยากให้ลงโทษ ซึ่งทางอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องมาพบเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง


สามีฝ่ายหญิงบอกว่า “ตอนที่ไปคุยกันที่บ้านกำนันยอมรับว่าได้พูดออกไปจริงว่า ไม่เอาคืน จะยกให้ พูดไปแค่ประชด แต่จริงแล้วยังรักและเป็นห่วงเมีย เพราะอยู่กันมานาน ยังรอเธอกลับมาเสมอ”


น้องสะใภ้ฝ่ายหญิงบอกว่า “เรื่องระหว่างผู้ใหญ่บ้านกับคู่สะใภ้ ตนรู้มานาน ตั้งแต่เดือนมกราคม เพราะมีความผิดปกติ ทั้งมารับส่ง และติดต่อกันทางเฟชบุ๊ก และโทรศัพท์จนลูกสาวจับได้ ตนจึงได้เตือนคู่สะใภ้ไปว่าอย่าทำ แต่ไม่เป็นผล จนกระทั่งเรื่องมาแดงดังกล่าว ส่วนตัวไม่ขอวิจารณ์”


#หมู่บ้านนี้มันอาถรรพณ์


ด้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านที่เกิดเหตุคนหนึ่งเล่าว่า “หมู่บ้านนี้ ถือว่าเป็นหมู่บ้านอาถรรพณ์ คนที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน จะไม่อยู่ครบวาระแม้คนเดียว นอกจากคนที่มาจากต่างหมู่บ้านแล้วมาอาศัยอยู่ที่นี่เมื่อมาเป็นผู้ใหญ่บ้านจะอยู่ครบวาระ ที่ผ่านมาผู้ใหญ่บ้านคนก่อน ทุจริตเงินหมู่บ้าน 280,000 บาท เจ้าหน้าที่สอบสวนพบความผิดศาลสั่งจำคุก ผู้ใหญ่คนต่อมายิงสมาชิก อบต. เสียชีวิต ศาลสั่งจำคุก และผู้ใหญ่บ้านรายนี้มีแนวโน้มว่าจะอยู่ไม่ครบวาระหลังจากมีการร้องเรียนเรื่องชู้สาวไปที่อำเภอ”


----------------------------------------------------

2. การกระทำของผู้ใหญ่บ้านคนนี้ผิดอะไรบ้าง

----------------------------------------------------


ประเด็นของปัญหานี้จึงมีอยู่ว่า…


1. การกระทำของผู้ใหญ่บ้านคนนี้ ถือว่าเป็นการเสื่อมเสียในทางศีลธรรม หรือไม่

2. การกระทำของผู้ใหญ่บ้านคนนี้ ผิดวินัยร้ายแรง หรือไม่  

3. ชาวบ้านสามารถล่ารายชื่อ เอาผู้ใหญ่บ้านออกจากตำแหน่ง ได้หรือไม่


#เสื่อมเสียในทางศีลธรรมเป็นเหตุให้ผู้ใหญ่บ้านต้องออกจากตำแหน่ง


ก่อนอื่นมาดูเหตุที่ผู้ใหญ่บ้านจะต้องออกจากตำแหน่งกันก่อนว่า มีอะไรบ้าง


ตามมาตรา 14 แห่ง พรบ.ลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 ระบุชัด...เหตุที่ผู้ใหญ่บ้านจะต้องออกจากตำแหน่ง มีดังนี้

(2) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 12

(6) เมื่อราษฎรเข้าชื่อกัน ขอให้ออกจากตำแหน่ง 

(7) ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง เมื่อได้รับรายงานการสอบสวนของนายอำเภอว่า บกพร่องในหน้าที่ หรือประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง 

(10) ถูกปลดออกหรือไล่ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

   

ซึ่งตามมาตรา 12 (8) กำหนดให้ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน “ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม โดยต้องไม่เป็นผู้มีอิทธิพล หรือเสียชื่อในทางพาลหรือทางทุจริต หรือเสื่อมเสียในทางศีลธรรม”


ขอขยายความนิดนึง “ความประพฤติเสื่อมเสียในทางศีลธรรม” ตามมาตรา 12 (8) นั้นก็คือ การไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของศาสนาที่ตนนับถือ อันเป็นบรรทัดฐานทางสังคมว่าการกระทำดังกล่าวนั้น ถือว่าขัดต่อหลักศีลธรรมและความดีงามอย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น การถือศีล 5 ของชาวพุทธ ข้อที่ 3 กาเมสุมิสฉาจาราเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม การประพฤติผิดลูกผิดเมียคนอื่น 


นอกจากการกระทำเสื่อมเสียในทางศีลธรรมจะทำให้ผู้นั้นขาดคุณสมบัติการเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว ยังถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ที่นายอำเภอสามารถสอบสวน และรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 14 (7) ได้ ดังตัวอย่างคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด


ผู้ใหญ่บ้านทำอนาจารลูกบ้าน ! ถูกสั่งให้พ้นจากผู้ใหญ่บ้านได้ (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 408/2562)

 

การที่ผู้ฟ้องคดีกระทำอนาจารต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นราษฎรในหมู่บ้าน จึงเป็นการกระทำความผิด ซึ่งวิญญูชนโดยทั่วไปย่อมตระหนักว่า เป็นผู้มีพฤติกรรมอันน่ารังเกียจ ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งและหน้าที่ อันจะต้องเป็นผู้ดูแลหมู่บ้านให้สงบเรียบร้อย หากให้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านต่อไป ย่อมกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน อันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการและส่วนรวม การกระทำของผู้ฟ้องคดีจึงมีสภาพร้ายแรงเป็นปฏิปักษ์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน อันถือเป็นผู้ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (7) แห่ง พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 และการที่ผู้ฟ้องคดีได้รับโทษทางอาญามาแล้ว ไม่เป็นเหตุที่ผู้ฟ้องคดีจะได้รับยกเว้นการพิจารณาในทางปกครองเกี่ยวกับความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน คำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว


#ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีผิดประมวลจริยธรรม 


นี่คือเรื่องใหม่ เพราะประมวลจริยธรรมสำหรับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เป็นหลักเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติตน ซึ่งมีผลบังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมานี่เอง


โดยประมวลจริยธรรมข้อที่ 7 กำหนดให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พึงปฏิบัติตนเพื่อรักษาจริยธรรม “ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ” 

  

อันประกอบด้วย


(1) ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี #สร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชน ปฏิบัติต่อประชาชน ด้วยความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน


(2) ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ตามหลักคุณธรรม 4 ประการ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง #หลักศาสนา และวิถีวัฒนธรรมมาใช้ในการปฏิบัติงานและดำเนินชีวิต


(3) มีความเป็นผู้นำ และ #เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม


ผลคือ ถ้าไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติฝาฝืนประมวลจริยธรรม อันมิใช่เป็นความผิดทางวินัยหรือความผิดทางอาญา ให้ผู้บังคับบัญชาว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน เป็นหนังสือนำไปประกอบการพิจารณาให้บำเหน็จความชอบ หรือสั่งให้ได้รับการพัฒนาตามที่เห็นสมควร แต่ถ้าเป็นเหตุให้ผู้นั้นจะต้องพันจากตำแหน่งหรือออกจากตำแหน่งตาม พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 หรือเป็นความผิดทางวินัย ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่หรือตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

 

#ผู้ใหญ่บ้านชู้สาวจะโดนวินัยเหมือนข้าราชการอื่นหรือไม่ 


ตามมาตรา 61 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 กำหนดให้ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และแพทย์ประจำตำบล ต้องรักษาวินัยโดยเคร่งครัดอยู่เสมอ ผู้ใดฝ่าฝืน ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดต้องได้รับโทษ วินัยและโทษผิดวินัยให้ใช้กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนโดยอนุโลม”


แต่เรื่องวินัยของกำนันผู้ใหญ่บ้านไม่ได้กำหนดใน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เหมือนที่บรรดาข้าราชการพลเรือนทั้งหลายใช้กันในปัจจุบันหรอกนะ มันถูกกำหนดใน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 นะเออ


พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535


มาตรา 80 “ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องรักษาวินัยตามที่บัญญัติเป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติไว้ในหมวดนี้ โดยเคร่งครัดอยู่เสมอ”


มาตรา 98 “ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องรักษาชื่อเสียงของตน และรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยไม่กระทำการใด ๆ อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ...กระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง”


มาตรา 100 “โทษทางวินัยมี 5 สถาน (1) ภาคทัณฑ์ (2) ตัดเงินเดือน (3) ลดขั้นเงินเดือน (4) ปลดออก และ(5) ไล่ออก”


มาตรา 104  “ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออก ตามความร้ายแรงแห่งกรณี ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษลงต่ำกว่าปลดออก”


ใช่ ! หมายความว่า ถ้าผู้ใหญ่บ้านคนนี้โดนวินัยร้ายแรงมีโทษปลดออกหรือไล่ออกเท่านั้น แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าการมีชู้ ถือเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงที่เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือไม่


เรื่องนี้ ก.พ. ได้ให้คำตอบไว้ในการประชุม ก.พ. ครั้งที่ 9/2521 วันที่ 5 ตุลาคม 2521 กรณี เป็นชู้-มีชู้  ว่า...


เป็นการกระทำล่วงประเวณีกันโดยสมัครใจ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีสามีหรือภรรยาอยู่แล้ว โดยสรุปว่า 


“...แม้ว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏระหว่างที่เป็นชู้กันนั้น ฝ่ายหญิง ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีของตนก็ตาม แต่ทั้งสองได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยาโดยเปิดเผยมานาน จนมีบุตรด้วยกัน 3 คน ...... ดังนั้น การที่ฝ่ายชายมาเป็นชู้กับฝ่ายหญิง โดยรู้ว่าฝ่ายหญิงเป็นภรรยาของผู้อื่นอยู่ เช่นนี้เป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรงฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง”


 “...ทั้งสองฝ่ายได้เสียกันโดยสมัครใจ มิใช่เหตุที่จะนำมาเป็น เหตุลดหย่อนโทษ เหตุที่จะนำมาอ้างเพื่อลดหย่อนโทษได้นั้น ต้องดูว่าในขณะเป็นชู้หรือมีชู้นั้น รู้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายมีสามีหรือภรรยาอยู่แล้ว”


นอกจากนี้ ประเด็นข้าราชการมีชู้หรือเป็นชู้ ถือว่าผิดวินัยอย่างร้ายแรง มีโทษถึงขั้นไล่ออกตามแนวคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 340/2549 ด้วย 


โดยวินิจฉัยไว้ว่า พฤติการณ์และการกระทำของผู้ฟ้องคดี เชื่อได้ว่าผู้ฟ้องคดีเป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น ถือได้ว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 98 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 การสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลพิพากษายกฟ้อง


#ฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทนได้


ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง


มาตรา 1516 (1) “สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้”


มาตรา 1523 

วรรคแรก “เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากัน เพราะเหตุตามมาตรา 1516 (1) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยา และจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น”


วรรคสอง “สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผย เพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้”


วรรคสาม “ถ้าสามีหรือภริยายินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตามมาตรา 1516 (1) หรือให้ผู้อื่นกระทำการตามวรรคสอง สามีหรือภริยานั้นจะเรียกค่าทดแทนไม่ได้”


มาตรา 1529 “สิทธิฟ้องร้องโดยอาศัยเหตุในมาตรา 1516 (1) (2) (3) หรือ (6) หรือมาตรา 1523 ย่อมระงับไปเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่วันผู้กล่าวอ้างรู้หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นกล่าวอ้าง”


ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฏีกา ที่น่าสนใจ


1. ประเด็น ไม่จำเป็นต้องฟ้องหย่าด้วย ก็ฟ้องชู้ได้

(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2940/2538)


โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผย เพื่อแสดงว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวตลอดมา จนถึงวันฟ้อง ลักษณะการกระทำของจำเลยได้กระทำต่อเนื่องกัน มายังมิได้หยุด การกระทำละเมิดของจำเลยได้เกิดขึ้นและมีอยู่ในขณะฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาจำเลยที่ว่า การฟ้องเรียกค่าทดแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 จะต้องฟ้องหย่าเสียก่อนจึงจะเรียกค่าทดแทนได้นั้น เป็นฎีกาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การจำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ การเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผย เพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ไม่มีเงื่อนไขว่าภริยาต้องฟ้องหย่าสามีเสียก่อนจึงจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงนั้นได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง    


2. ประเด็น พฤติการณ์การแสดงออกต่อบุคคลภายนอก ถือว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวแล้ว

(คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 6516/2552)


แม้จำเลยที่ 1 จะไม่เคยพาจำเลยที่ 2 ออกงานสังคม หรือแนะนำให้บุคคลอื่นรู้จักในฐานะภริยา แต่การที่จำเลยทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผยอยู่ในบ้านซึ่งปลูกสร้างในแหล่งชุมชนด้วยกันในเวลากลางคืน ขับรถรับส่งเมื่อไปทำกิจธุระหรือซื้ออาหารด้วยกัน ย่อมบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและเอื้ออาทรดูแลเอาใจใส่ต่อกัน แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยกย่องจำเลยที่ 2 ฉันภริยาอันเป็นเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (1) แล้ว และโจทก์ยังมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 ที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีโจทก์ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคหนึ่ง ได้อีกด้วย


----------------------------------------------------

3. บทสรุป

----------------------------------------------------


เอาง่าย ๆ เลย จากการวิเคราะห์ตามข้อ 2 มาอย่างยาวเหยียด การกระทำที่ผู้ใหญ่บ้านคนนี้ที่ “พาเมียชาวบ้านหนี” ตามที่เป็นข่าว ผิดอะไรบ้าง...


#ผิดผี


1. เป็นการประพฤติเสื่อมเสียในทางศีลธรรม ที่ทำให้ขาดคุณสมบัติฯตามมาตรา 12 (8) ประกอบกับมาตรา 14 (2) แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ฯ ดังนั้น นายอำเภอผู้มีอำนาจแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านตามกฎหมาย ย่อมมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน 


2. หากชาวบ้านผู้มีคุณสมบัติในหมู่บ้านนั้นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งลุกฮือ เข้าชื่อกันขอให้ออกจากตำแหน่ง ให้นายอำเภอสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 14 (6) ได้


3. เป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ที่นายอำเภอสามารถสอบสวน และรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 14 (7) ได้


#ผิดประมวลจริยธรรม


ผิดประมวลจริยธรรมข้อที่ 7 ที่กำหนดให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ต้องปฏิบัติตนเพื่อรักษาจริยธรรม “ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ” 

  

ผลคือ ถ้าไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติฝาฝืนประมวลจริยธรรม ที่เป็นเหตุให้ผู้นั้นจะต้องพันจากตำแหน่งหรือออกจากตำแหน่งตาม พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ (ตามเหตุผลกรณี #ผิดผี) หรือเป็นความผิดทางวินัย ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่หรือตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง


#ผิดวินัยอย่างร้ายแรง


พฤติการณ์และการกระทำที่เป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น ถือได้ว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 98 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 ให้ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออก ตามความร้ายแรงแห่งกรณี 


#ผิดแพ่ง


สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้


เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากัน มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากสามีหรือภริยา และจากชู้ได้ หรือถ้าไม่หย่าก็เรียกค่าทดแทนจากชู้ได้เช่นกัน แต่ต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ความจริง


----------------------------------------------------

4. อุทาหรณ์

----------------------------------------------------


เคสนี้นับว่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นผู้นำชุมชนที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับประชาชนในท้องที่มากที่สุด ทำหน้าที่ช่วยเหลือนายอำเภอในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ของประชาชน และเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารราชการส่วนภูมิภาค ตลอดจนประสานงานและแจ้งข่าวสารของทางราชการให้ประชาชนรับทราบ จึงต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำชุมชน 


ผู้ใหญ่บ้านต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ราษฎรในหมู่บ้านและบุคคลทั่วไป โดยต้องปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายไม่มีความบกพร่องในความประพฤติหรือความสามารถไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน การที่ผู้ใหญ่บ้านมีชู้ แม้จะเกิดจากความยินยอมและไม่เป็นความผิดทางอาญาก็ตาม แต่ในทางปกครองถือว่าเป็นผู้มีความบกพร่องในความประพฤติหรือความสามารถไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านที่จะเป็นผลให้ต้องออกจากตำแหน่งแล้ว 


ท้ายที่สุด ก็แล้วแต่ว่ากฎแห่งกรรมหรือกฎหมายอันใดจะมาถึงก่อนหลัง ก็ว่ากันไปตามที่ได้สาธยายให้ท่านได้ฟังข้างต้นแล้วนั้น  


โอ้อะไรมันจะ มะรุมมะตุ้มรุมรักแมรี่ ได้ขนาดนี้ 


#พ่อผู้ใหญ่วัยรุ่นห้าสิบ

.

.

#วิถีแห่งสิงห์ #ปลัดอำเภอ #นายอำเภอ #กรมการปกครอง #ผู้ใหญ่บ้าน #ชู้สาว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนวข้อสอบปลัดอำเภอ ๒๕๕๕ : ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบที่ใช้ในการปฏิบัติราชการ

ผู้ยึดมั่นในวิถีแห่งสิงห์

"ผู้ใหญ่บ้าน” ต้องมีพื้นความรู้ไม่ต่ำกว่าการศึกษาภาคบังคับ…?